การจัดการการตลาดแนวใหม่

Custom Search
วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ระบบตนทุนงานสั่งทํา (Job order Costing)

ระบบตนทุนงานสั่งทํา (Job order Costing) เหมาะสำหรับกิจการที่ผลิตสินค้าหลายชนิด หลายรุ่นหรือหลายงาน สินค้าที่ผลิตในแต่ละงวดจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของผลิตภัณฑ์ที่ลูกคาสั่งซื้อ และตองผลิตผลิตภัณฑตามที่ลูกคาตองการ ไดแก งานรับเหมากอสราง การผลิตเฟอรนิเจอร การตอเรือเดินทะเล และยังสามารถนำมาใช้ได้กับอุตสาหกรรมการบริการ เช่น โรงพยาบาล สำนักงานกฎหมาย โรงถ่ายภาพยนต์ สำนักบัญชี บริษัทโฆษณา ร้านรับซ่อมทีวี ตู้เย็น เป็นต้น ซึ่งงานแตละชิ้นที่ผลิตยอมไดสวนประกอบของตนทุนผลิตตางกัน การคํานวณตนทุนสินคาที่ผลิตไดของระบบตนทุนงานสั่งทํา (Job order costing) จะคํานวณทันทีที่งานเสร็จ แตการคํานวณของระบบตนทุนชวงการผลิตจะคํานวณในตอนปลายงวดบัญชี วิธีการของ Job order costing คือ
รับใบสั่งสินคาจากลูกคา ---- > ออกใบสั่งผลิต ---- > ใหบัญชีจัดทําบัตรตนทุนงานสั่งทํา (Job cost sheet) เพื่อนํามาในการบันทึกบัญชี
ระบบตนทุนชวงการผลิต (Processing costing) เปนวิธีการคิดตนทุนสําหรับกิจการอุตสาหกรรมที่มีการผลิตติดตอกันไปเรื่อย ๆ หรือผลิตเปนจํานวนมาก ๆ เพื่อเก็บไวเปนของคงคลังและขายเมื่อลูกคาตองการในการผลิตนี้ผลิตภัณฑที่ไดจะมีสวนประกอบของตนทุนที่เหมือนกัน เทากัน และไดรับการผลิตในลักษณะเดียวกัน เหมาะกับกิจการที่มีผิลตสินค้าตามงวดเวลา และสินค้าที่ผลิตมีความเหมือนกันด้วยกระบวนการผลิตที่ต่อเนื่อง เช่น โรงงานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป โรงงานผลิตอาหารกระป๋อง
วิธีการคิดต้นทุนตามวิธีต้นทุนช่วงจะรวบรวมต้นทุนที่เกิดขึ้นในแต่ละงวด ตามขั้นตอนการผลิต หรือแผนก จากนั้นจะนำต้นทุนที่รวบรวมไว้มาเฉลี่ยให้แก่ สินค้าแต่ละหน่วยที่ผลิตได้ในงวดนั้น โดยใช้สูตร
ต้นทุนต่อหน่วย = ต้นทุนการผลิตทั้งหมด
จำนวนหน่วยผลิต
เนื่องจากผลผลิตที่ได้แต่ละหน่วยไม่มีความแตกต่างกัน ดังนั้น สินค้าทุกหน่วยที่ผลิตได้ภายในงวดเวลาเดียวกันจึงควรรับภาระต้นทุนเท่ากันทุกหน่วย วิธีนี้จึงเป็นการคิดต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยให้กับสินค้าที่ผลิตภายใต้กระบวนการผลิตเดียวกัน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

การจัดการการเงิน